วันที่นำเข้าข้อมูล 12 Feb 2024
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 25 Sep 2024
No. 6/2567 | กุมภาพันธ์ 2567
การพัฒนาความเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย: โอกาสและความท้าทาย*
อนรรฆ พิทักษ์ธานิน**
(Download .pdf below)
ประเทศไทยและประเทศมาเลเซียมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและสังคมร่วมกันมาเป็นระยะเวลาหลายทศวรรษ มุมหนึ่งในฐานะเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดต่อกับประเทศไทยทางตอนใต้ มีการติดต่อสัมพันธ์กันทั้งในเชิงของการค้าและการเดินทางของผู้คน ตลอดจนการพัฒนาร่วมในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล อีกมุมหนึ่งในฐานะการมีวัฒนธรรมร่วมและคล้ายคลึงกันในสังคมชายแดนภาคใต้ ทั้งวัฒนธรรมมลายูมุสลิม และวัฒนธรรมจีนโพ้นทะเล
มาเลเซียถือได้ว่าเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทยที่มีมูลค่าการค้าชายแดนสูงที่สุดในบรรดาประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมด ในทางเดียวกัน ไทยเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นคู่ค้าที่สำคัญของมาเลเซียเช่นเดียวกัน ข้อมูลการค้าชายแดนของทั้งสองประเทศใน ค.ศ. 2020-2022 ชี้ให้เห็นว่าการส่งออกของไทยไปยังมาเลเซียมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในทุกปี กล่าวคือ จาก 1.24 แสนล้านบาทใน ค.ศ. 2020 มาเป็น 1.82 และ 1.83 แสนล้านบาท ใน ค.ศ. 2021 และ 2022 ตามลำดับ ซึ่งยางพารา เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบรถยนต์ แผงวงจรไฟฟ้า และยางยานพาหนะ เป็นสินค้าส่งออก 5 อันดับแรกของประเทศไทย ในขณะที่การนำเข้า ประเทศไทยมีการนำเข้าจากมาเลเซียมูลค่ารวม 1.25 แสนล้านบาทใน ค.ศ. 2020 และใน ค.ศ. 2021 และ 2022 มีมูลค่า 1.53 แสนล้านบาท และ 1.52 แสนล้านบาทตามลำดับ
ตารางที่ 1 มูลค่าการส่งออกชายแดนไทย-มาเลเซีย (ล้านบาท)
ลำดับที่ |
รายการสินค้าส่งออก |
2020 |
2021 |
2022 |
|
|
1 |
ยางพารา |
20,347.41 |
25,412.03 |
22,527.81 |
||
2 |
เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ประกอบ |
17,968.35 |
30,314.79 |
22,258.09 |
||
3 |
รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ |
7,116.36 |
10,504.18 |
14,633.05 |
||
4 |
แผงวงจรไฟฟ้า |
4,667.87 |
5,876.29 |
7,915.63 |
||
5 |
ยางยานพาหนะ |
2,537.31 |
3,856.20 |
5,510.05 |
||
6 |
เครื่องสำอาง เครื่องหอมและสบู่ |
2,158.81 |
2,823.43 |
4,741.44 |
||
7 |
ไก่ |
1,535.29 |
2,059.22 |
4,343.99 |
||
8 |
สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรอื่น ๆ |
3,330.01 |
3,033.17 |
3,965.01 |
||
9 |
สินค้าอุตสาหกรรมอื่น ๆ |
2,011.23 |
3,500.41 |
3,219.46 |
||
10 |
ลำโพงขยายเสียงและส่วนประกอบ |
1,724.50 |
1,910.72 |
2,919.48 |
||
|
รวม 10 อันดับ |
63,397.15 |
89,290.44 |
92,034.02 |
||
|
อื่น ๆ |
60,796.17 |
93,110.38 |
91,488.85 |
||
|
มูลค่ารวม |
124,193.32 |
182,400.82 |
183,522.87 |
ที่มา: กรมการค้าต่างประเทศ
ตารางที่ 2 มูลค่าการนำเข้าชายแดนไทย-มาเลเซีย (ล้านบาท)
ลำดับที่ |
รายการสินค้านำเข้า |
2020 |
2021 |
2022 |
|
|
1 |
เทปแม่เหล็ก จานแม่เหล็ก |
25,226.86 |
31,909.58 |
25,894.04 |
||
2 |
อุปกรณ์ไฟ้ฟ้าสำหรับตัดต่อ |
2,499.49 |
4,640.17 |
8,348.89 |
||
3 |
เม็ดพลาสติก |
4,161.42 |
7,171.40 |
8,070.90 |
||
4 |
ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ |
10,218.96 |
10,612.03 |
7,806.03 |
||
5 |
เครื่องจักรใช้ในอุตสาหกรรมฯ |
5,180.67 |
7,741.52 |
7,066.94 |
||
6 |
เครื่องจักรไฟฟ้าอื่น ๆ และส่วนประกอบ |
5,328.55 |
7,296.39 |
5,590.31 |
||
7 |
เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ |
4,264.17 |
4,184.06 |
5,209.19 |
||
8 |
อื่น ๆ (โครงสร้าง ค.ศ. 2022) |
0.00 |
0.00 |
4,755.06 |
||
9 |
เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ การแพทย์ |
1,528.62 |
2,531.08 |
4,408.77 |
||
10 |
ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ทำจากพลาสติก |
3,312.05 |
3,910.77 |
4,248.63 |
||
|
รวม 10 อันดับ |
61,720.78 |
79,997.01 |
81,398.76 |
||
|
อื่น ๆ |
63,542.62 |
73,541.73 |
71,196.78 |
||
|
มูลค่ารวม |
125,263.40 |
153,538.73 |
152,595.54 |
ที่มา: กรมการค้าต่างประเทศ
นอกจากนี้ ชาวมาเลเซียยังถือได้ว่าเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสำคัญมากที่สุดของประเทศไทย ข้อมูลจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวระบุว่า ใน ค.ศ. 2022 มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวนมากถึง 1.9 ล้านคน ซึ่งจุดหมายของการท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวและเมืองท่องเที่ยวในภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะหาดใหญ่ เบตง สะเดา และภูเก็ต
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซียในช่วงเวลาที่ผ่านมามีการพัฒนากรอบความร่วมมือทั้งในระดับรัฐและพื้นที่ ตลอดจนการสร้างความร่วมมือในรูปแบบที่ไม่เป็นทางการของทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนของไทย บนพื้นฐานของความเป็นพหุวัฒนธรรมและการให้ความสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของผู้คนในทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทยที่มีความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมอย่างแนบแน่นกับประเทศมาเลเซีย ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งในรูปแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาและยกระดับโอกาสของความเชื่อมโยงทางด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับมาเลเซีย โดยเฉพาะการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-มาเลเซียในมิติต่าง ๆ ทั้งในเชิงการค้าการลงทุนในอุตสาหกรรมอาหารและสินค้าเกษตร การพัฒนาสินค้าทางวัฒนธรรมที่มีจุดร่วมเชิงอัตลักษณ์ของทั้งสองประเทศ และการสร้างความเชื่อมโยงทางการท่องเที่ยวในรูปแบบต่าง ๆ ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ทั้งไทยและมาเลเซีย โดยเฉพาะผู้ประกอบการในท้องถิ่นทั้งขนาดกลางและขนาดย่อม
1) กรอบนโยบายที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อมโยงทางด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับมาเลเซีย
ความสัมพันธ์ในทุกระดับและการเยือนระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศตลอดช่วงเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมานำไปสู่การพัฒนากรอบความร่วมมือในระดับทวิภาคีและไตรภาคีจำนวนหนึ่งที่เป็นพื้นฐานในการสร้างความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ตลอดจนการสร้างความสัมพันธ์ในประเด็นเฉพาะระดับพื้นที่ของไทยและมาเลเซีย
1.1 กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ
มีความร่วมมือในรูปแบบและระดับต่าง ๆ ที่เป็นพื้นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนความเชื่อมโยงทางด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับมาเลเซีย โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ กรอบความร่วมมือที่สำคัญในปัจจุบัน ได้แก่
นอกจากนี้ ในการประชุม “Business Meeting” ของหอการค้ามาเลเซีย-ไทย (The Malaysian-Thai Chamber of Commerce: MTCC) ระหว่างการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเมื่อวันที่ 9-10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 มีรายงานว่าในที่ประชุมได้มีการเสนอให้มีการขับเคลื่อนและจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษไทย-มาเลเซีย (Thailand-Malaysia Special Economic Corridor: TM-SEC)[1] ที่จะครอบคลุมพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย และพื้นที่รัฐฝั่งเหนือของประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะเป็นการร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจ ส่งเสริมธุรกิจที่มีศักยภาพและสร้างโอกาสในการเชื่อมสู่ตลาดการค้าและการลงทุนสู่ภูมิภาคอื่นของเอเชียและตะวันออกกลาง รวมถึงจะเป็นการเสริมศักยภาพของเขตเศรษฐกิจ IMT-GT
1.2 กรอบความร่วมมือระดับพื้นที่
นอกจากกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีความร่วมมือระดับพื้นที่ระหว่างไทยกับมาเลเซียหรือกรอบการพัฒนาพื้นที่ชายแดนใต้จากหน่วยงานหรือองค์กรในระดับพื้นที่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อันเป็นพื้นฐานของการสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจทั้งในมิติของการค้าและการลงทุน ทั้งนี้ ความร่วมมือและกรอบการพัฒนาที่สำคัญจากหน่วยงานในระดับพื้นที่ ได้แก่
นอกจากความร่วมมือและการพัฒนาระหว่างไทยกับมาเลเซียในระดับพื้นที่ของหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องที่สะท้อนให้เห็นรูปธรรมของการดำเนินการดังที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว หน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งสมาคมธุรกิจ หอการค้า หน่วยงานภาครัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ของทั้งสองประเทศ ยังได้มีการหารือเพื่อประสานความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่และสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการสะท้อนให้เห็นทุนในการพัฒนาความร่วมมือที่สำคัญในอนาคต
2) โอกาสการพัฒนาความเชื่อมโยงทางด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับมาเลเซีย
ไทยและมาเลเซียเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงมาเป็นระยะเวลาต่อเนื่องหลายทศวรรษทั้งในรูปแบบที่เป็นทางการผ่านข้อตกลงแบบทวิภาคีและพหุภาคี รวมถึงการหารือของหน่วยงานภาครัฐและองค์กรภาคเอกชนในทุกระดับ และในรูปแบบที่ไม่เป็นทางการ ผ่านความสัมพันธ์ของผู้คน ความเป็นเครือญาติ และการเดินทางไปมาหาสู่ของผู้คนของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนใต้ของไทยที่มีวัฒนธรรมร่วมและผสมผสานในลักษณะของพหุวัฒนธรรม
ความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงของทั้งสองประเทศ ตลอดจนลักษณะร่วมทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตดังกล่าวนี้ เป็นทุนอันสำคัญต่อโอกาสในการพัฒนาความเชื่อมโยงทางด้านเศรษฐกิจในมิติต่าง ๆ ระหว่างไทยกับมาเลเซีย ทั้งภาคการค้า ภาคการลงทุน และภาคบริการ อย่างไรก็ดี โจทย์สำคัญของการพัฒนาความร่วมมือและความเชื่อมโยงดังกล่าวดูจะอยู่ที่การพัฒนาและยกระดับลักษณะร่วมทางวัฒนธรรมและความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจสู่การสร้างประโยชน์ร่วม (common interest) และประโยชน์ส่วนรวม (common benefit) ของภาคส่วนต่าง ๆ ในทั้งสองประเทศ ทั้งในมิติทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนสามารถยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันจากความเชื่อมโยงในกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ จนนำไปสู่การอยู่ดีมีสุขของประชาชนในทั้งสองประเทศ
การประเมินทุนในมิติต่าง ๆ และความเชื่อมโยงหรือความร่วมมือระหว่างไทยกับมาเลเซียในทุกระดับ สะท้อนให้เห็นโอกาสและความร่วมมือในการความเชื่อมโยงทางด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับมาเลเซียใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1) โอกาสการพัฒนาความเชื่อมโยงทางด้านเศรษฐกิจและการลงทุน 2) โอกาสการพัฒนาความเชื่อมโยงทางด้านเศรษฐกิจวัฒนธรรม และ 3) โอกาสการพัฒนาความเชื่อมโยงทางด้านการท่องเที่ยว
2.1 โอกาสการพัฒนาความเชื่อมโยงทางด้านเศรษฐกิจและการลงทุน
ไทยและมาเลเซียเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนเชื่อมโยงกันมาหลายทศวรรษ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยางพาราและน้ำมันปาล์ม ที่มีความเชื่อมโยงกันในฐานะห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) และคู่ค้าที่สำคัญ ในปัจจุบัน การดำเนินการของหน่วยงานและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง ได้สะท้อนให้เห็นโอกาสในการพัฒนาความเชื่อมโยงของทั้งสองประเทศใน 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ การพัฒนาความเชื่อมโยงของอุตสาหกรรมฮาลาล และการพัฒนาความเชื่อมโยงของอุตสาหกรรมยางพาราและการแปรรูป ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
การพัฒนาความเชื่อมโยงของอุตสาหกรรมฮาลาล
อุตสาหกรรมฮาลาลเป็นอุตสาหกรรมการผลิตอาหารที่รัฐบาลไทยและมาเลเซียต่างให้ความสำคัญค่อนข้างมาก ทั้งในฐานะโอกาสทางเศรษฐกิจของผู้ประกอบการและการสร้างความมั่นคงทางอาหารของทั้งสองประเทศ
ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 รัฐบาลมาเลเซียเปิดตัว “Halal Industry Master Plan 2030 (HIMP 2030)” ที่มีเป้าหมายในการกระตุ้นและพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลให้เติบโตอย่างยั่งยืน มีวัตถุประสงค์หลักตามแผนอยู่ 3 ประการ ได้แก่ 1) กระตุ้นการเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุมของอุตสาหกรรมฮาลาลของมาเลเซีย 2) พัฒนาระบบนิเวศที่มีพลวัตอุตสาหกรรมฮาลาลสำหรับรองรับสินค้าและบริการฮาลาลที่มากขึ้น 3) สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมของมาเลเซีย ซึ่งแผนฯ ดังกล่าวนี้ มีความครอบคลุม 7 สาขายุทธศาสตร์สำคัญของอุตสาหกรรมฮาลาล ได้แก่ 1) ส่งเสริมนโยบายและกฎหมายที่เป็นมิตรต่อกลุ่มสินค้าและบริการฮาลาล 2) สร้างตลาดใหม่และขยายตลาดให้สินค้าและบริการฮาลาลของมาเลเซีย 3) ขยายฐานผู้เชี่ยวชาญด้านฮาลาลเพื่อตอบสนองความต้องการของโลก 4) ส่งเสริมคุณภาพและการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบบูรณาการ 5) เสริมสร้างการเป็นผู้นําทางความคิด 6) ผลิต home-grown halal champions มากขึ้น และ 7) ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของกลุ่มภูมิบุตรที่มีความสามารถ ในการแข่งขันในอุตสาหกรรมฮาลาล[5]
ในส่วนของประเทศไทย คณะกรรมการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” ได้มีการกำหนดวิสัยทัศน์และนโยบายการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐานฮาลาล (1 วิสัยทัศน์ 5 แนวทาง) มีเป้าหมายสำคัญ ในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในการผลิต การแปรรูป การส่งออกและการพัฒนาสินค้าเกษตร และอาหารฮาลาลที่ได้รับความเชื่อมั่นในระดับสากล และเข้าสู่ตลาดโลกด้วยมาตรฐานฮาลาลไทย โดยใช้หลักศาสนา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ภายใน ค.ศ. 2570 ผ่านการขับเคลื่อนการดำเนินงานที่กำหนดทั้งหมด 5 แนวทาง ได้แก่ 1) เพิ่มศักยภาพหน่วยงานรับรองมาตรฐานฮาลาล 2) สร้างความเชื่อมั่นให้สินค้าเกษตรและอาหาร ด้วยมาตรฐานฮาลาลไทย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม 3) เสริมสร้างองค์ความรู้ในการผลิต และการบริหารจัดการตั้งแต่ระดับฟาร์มจนถึงผู้บริโภค 4) เพิ่มศักยภาพทางตลาด และโลจิสติกส์ 5) ยกระดับความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ[6] ในทางเดียวกัน ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ก็ได้การผลักดันอุตสาหกรรมฮาลาลในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และมีการลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) เพื่อขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีจุดเน้นที่อุตสาหกรรมไก่แบบครบวงจร การส่งเสริมเกษตรฐานราก และการยกระดับฮาลาลคุณภาพสูง[7]
นอกจากนี้ ในการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 รัฐบาลมาเลเซียเสนอให้ไทยและมาเลเซียจัดทำความร่วมมือในด้านการผลิตอาหารฮาลาล เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ด้านความมั่นคงทางอาหารของมาเลเซียด้วยเช่นกัน
จากบริบทของอุตสาหกรรมฮาลาลดังที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า ทั้งไทยและมาเลเซียต่างให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาล ในฐานะโอกาสทางเศรษฐกิจที่สำคัญและการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้ทั้งสองประเทศ ตลอดจนมีแผนหรือเป้าหมายของการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นรูปธรรมชัดเจน กระนั้นก็ดี การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาลของทั้งไทยและมาเลเซียดูจะมีข้อท้าทายสำคัญในการสร้างความเชื่อมโยงในการขับเคลื่อนของรัฐบาลทั้งสองประเทศ และความร่วมมือในภาคเอกชนในการสร้างความร่วมมือเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมฮาลาล
ทั้งนี้ การพัฒนาความเชื่อมโยงของอุตสาหกรรมฮาลาลในปัจจุบันและอนาคต จากทุนการขับเคลื่อนและสถานการณ์ของอุตสาหกรรมสามารถดำเนินการได้ในประเด็นหลัก ดังต่อไปนี้
การพัฒนาความเชื่อมโยงของอุตสาหกรรมยางพาราและการแปรรูป
มาเลเซียเป็นคู่ค้ายางพาราและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากยางพารามาอย่างต่อเนื่อง ยางพาราและยางยานพาหนะเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศไทย ในทางเดียวกัน ผู้ประกอบการและผู้ค้ายางพาราของไทยก็มีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ประกอบการในประเทศมาเลเซีย และมีการทำธุรกิจร่วมกันมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมยางพาราในปัจจุบัน อาจสามารถจำแนกได้ใน 3 กลุ่มหลักได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตและจำหน่ายยางพารา อุตสาหกรรมการแปรรูปยางพารา และอุตสาหกรรมการแปรรูปและการค้าไม้ยางพารา
แม้ไทยและมาเลเซียจะเป็นคู่ค้าที่สำคัญของอุตสาหกรรมยางพาราและการแปรรูป แต่ในอีกมุมหนึ่งทั้งสองประเทศมีลักษณะการเป็นผู้แข่งขันในการผลิตยางพาราและสินค้าจากอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องเช่นกัน ซึ่งในประเด็นดังกล่าวนี้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนของทั้งสองประเทศได้เห็นความสำคัญและมีความพยายามที่จะเน้นการสร้างความร่วมมือและการลดการแข่งขันมาโดยตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่าน ซึ่งในการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 28 ตามกรอบความร่วมมือของโครงการความร่วมมือ IMT-GT ได้มีการลงนามความร่วมมือระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Ministry of Industry Republic of Indonesia: MOI) หน่วยงานระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (Northern Corridor Implementation Authority: NCIA) ประเทศมาเลเซีย และการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการที่จะร่วมมือขับเคลื่อนการเชื่อมโยงของเมืองยางพารา (Rubber Cities) ของ 3 ประเทศสมาชิก เพื่อมุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมยางพารา ร่วมกำหนดนโยบายและทิศทางในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยาง พร้อมทั้งความร่วมมือด้านงานวิจัย นวัตกรรม และเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ยาง ความร่วมมือด้านมาตรฐานและการรับรองผลิตภัณฑ์ยาง การส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาบุคลากรในวงการยางพารา ตลอดจนความร่วมมือด้านธุรกิจของทั้ง 3 ประเทศ ตลอดจนการลดการแข่งขันกันเองระหว่างเมืองยางพาราแต่ละแห่ง[8]
ทั้งนี้ จากทุนทางเครือข่ายและความสัมพันธ์ทางการลงทุนและการค้ายางพาราและอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราของไทยและมาเลเซีย การพัฒนาความเชื่อมโยงของอุตสาหกรรมยางพาราและการแปรรูปที่สำคัญในอนาคตได้ดังต่อไปนี้
ดังนั้น เพื่อให้เกิดการยกระดับและขยายตลาดของอุตสาหกรรมการแปรรูปและการค้าไม้ยางพารา ไทยและมาเลเซียจึงควรมีการสร้างความร่วมมือในการผลักดันกลไกการรับรองมาตรฐานด้านป่าไม้ระดับชาติ ซึ่งได้รับการรับรองโดยมาตรฐานสากลร่วมกัน และการต่อรองให้เกิดการยอมรับจากประเทศผู้นำเข้า
2.2 โอกาสการพัฒนาความเชื่อมโยงทางด้านเศรษฐกิจวัฒนธรรม
พื้นที่ชายแดนของประเทศไทยและประเทศมาเลเซียเป็นพื้นที่ที่มีวัฒนธรรมอันสะท้อนอัตลักษณ์ที่มีความเฉพาะของพื้นที่ซึ่งเป็นผลจากการผสานทางวัฒนธรรมระหว่างความเป็นท้องถิ่นกับอิทธิพลทางศาสนาตลอดช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน ซึ่งความเฉพาะของอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมดังกล่าวได้สะท้อนให้เห็นถึงจุดร่วมทางวัฒนธรรม กิจกรรมทางวัฒนธรรม และสินค้าทางวัฒนธรรม ที่สามารถนำมาต่อยอดและพัฒนาความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศได้ โดยเฉพาะการพัฒนาความร่วมมือในการยกระดับแฟชั่นมลายู และงานฝีมือทางวัฒนธรรมที่สัมพันธ์กับนกเขาชวาซึ่งเป็นวัฒนธรรมร่วมของทั้งสองประเทศ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
การยกระดับเครื่องแต่งกายและแฟชั่นมลายู
เครื่องแต่งกายและแฟชั่นมลายู เป็นสินค้าทางวัฒนธรรมที่มีตลาดและความต้องการในวงกว้าง ทั้งจากประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน สิงคโปร์ และภาคใต้ตอนล่างของไทย รวมถึงประชากรมุสลิมในหลายประเทศทั่วโลกและกลุ่มคนทั่วไปที่มีความนิยมในเสื้อผ้าและแฟชั่นมลายู
เครื่องแต่งกายและแฟชั่นมลายูส่วนใหญ่ โดยเฉพาะตลาดในประเทศไทยจะมีการผลิตและตัดเย็บจากประเทศอินโดนีเซียเป็นหลัก และมีการผลิตเพื่อจำหน่ายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นความท้าทายสำคัญในการพัฒนาและยกระดับเครื่องแต่งกายและแฟชั่นมลายู ภายใต้การสร้างอัตลักษณ์ร่วมระหว่างไทยและมาเลเซีย และพื้นที่ทางวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศไทย
ทั้งนี้ เทศบาลนครยะลาได้มีการริเริ่มและจัดกิจกรรม “Pakaian Melayu Yala Fashion Week” ที่ได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงานของไทย และการสนับสนุนจากสถานกงสุลใหญ่มาเลเซียและอินโดนีเซียประจำจังหวัดสงขลา เป็นกิจกรรมในการเปิดพื้นที่ให้แก่ house brand หรือเครือข่ายและผู้ประกอบการด้านเครื่องแต่งกายและแฟชั่นมลายูทั้งในจังหวัดยะลาและประเทศมาเลเซียได้พัฒนาอัตลักษณ์ท้องถิ่นให้กลายเป็นลายผ้าที่มีความเฉพาะ พร้อมยกระดับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้ได้มาตรฐานและมีความร่วมสมัย เพื่อต่อยอดและสร้างการรับรู้สู่ตลาดภายนอก[9]
การริเริ่มและกิจกรรม “Pakaian Melayu Yala Fashion Week” ดังกล่าวนี้สามารถที่จะต่อยอดไปสู่การสร้างความร่วมมือระหว่างไทยกับมาเลเซียได้ ผ่านการสร้างความร่วมมือในการจัดกิจกรรมการประกวด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การสร้างอัตลักษณ์ร่วมของลายผ้าและการตัดเย็บ และการสร้างแบรนด์ระดับภูมิภาค (regional brand) หรือมาตรฐานรับรองผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมและแฟชั่นของทั้งสองประเทศ ตลอดจนการพัฒนาตลาดเครื่องแต่งกายและแฟชั่นร่วมกันของผู้ประกอบการไทยและมาเลเซีย ซึ่งมีรายละเอียดการดำเนินการที่สำคัญดังต่อไปนี้
การพัฒนาความร่วมมือของงานฝีมือทางวัฒนธรรมที่สัมพันธ์กับนกเขาชวา
การเลี้ยงและแข่งขันนกเขาชวา เป็นที่นิยมของประชาชนในประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และภาคใต้ของไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเลี้ยงเพื่อการแข่งขันหรือเพื่อการประชันเสียง การพัฒนาสายพันธุ์นกเขาชวาถือว่าเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ได้รับความนิยมในภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย มาเลเซีย (โดยเฉพาะรัฐตรังกานู กลันตัน กัวลาลัมเปอร์) และอินโดนีเซีย โดยมีตลาดสำคัญจากทั้งสามประเทศและสิงคโปร์ ซึ่งฐานลูกค้าดังกล่าวเป็นคนที่มีกำลังซื้อสูงและส่วนใหญ่จะนำนกเขาชวาเข้าสู่การแข่งขันประชันเสียง ซึ่งมีการจัดขึ้นทุกปีทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติของทั้งประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์
ทั้งนี้ ห่วงโซ่อุปทานหรือกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเลี้ยงนกเขาชวามีตั้งแต่ผู้ประกอบการที่เลี้ยงหนอนนกมาขายเป็นอาหารนก เกษตรกรที่ผลิตข้าวนก ผู้ประกอบการที่เพาะพันธุ์นก ผู้ซื้อขายนก และผู้ประกอบการด้านการจัดขนส่งนกข้ามประเทศ รวมถึงผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกรงนกที่เป็นงานหัตถกรรมอันสำคัญ[10]
ความนิยมและการแลกเปลี่ยนนกเขาชวาที่มีลักษณะของการค้าและการขนส่งข้ามแดน และการแข่งขันนกเขาชวาระหว่างประเทศที่สัมพันธ์กับห่วงโซ่อุปทานของการเลี้ยงนกเขาชวาดังกล่าวนี้ สะท้อนให้เห็นความสำคัญและโอกาสทางเศรษฐกิจจากการพัฒนาสายพันธุ์ การเลี้ยง การค้านกเขาชวา และจากการเดินทางของผู้แข่งขันและผู้ชมการแข่งขันของประเทศต่าง ๆ
การผลิตและจัดจำหน่ายกรงนกในฐานะงานหัตถกรรมสำคัญยังเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความนิยมในกรงนกที่มีความประณีตและละเอียดอ่อนในการออกแบบและผลิต รวมถึงการสร้างความเฉพาะของกรงนกแต่ละกรง ซึ่งดูจะเป็นโอกาสที่สำคัญในการสร้างความร่วมมือที่จะให้เกิดการแลกเปลี่ยนและยกระดับของผู้ประกอบการท้องถิ่นระหว่างสองประเทศ
จากที่กล่าวมา การพัฒนาความร่วมมือของงานฝีมือทางวัฒนธรรมที่สัมพันธ์กับนกเขาชวาจำเป็นที่ต้องมีการดำเนินการที่สำคัญดังต่อไปนี้
2.3 โอกาสการพัฒนาความเชื่อมโยงทางด้านการท่องเที่ยว
การเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับมาเลเซียถือว่าเป็นโอกาสในการพัฒนาความเชื่อมโยงทางด้านเศรษฐกิจที่มีทุนเดิมเป็นพื้นฐาน ในปัจจุบัน ทั้งนักท่องเที่ยวมาเลเซียและนักท่องเที่ยวไทย มีความนิยมเดินทางผ่านแดนเข้าไปท่องเที่ยวในพื้นที่แต่ละประเทศ โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ วันหยุดยาว และวันหยุดทางศาสนา ทั้งนี้ พื้นที่บริเวณชายแดนของทั้งไทยและมาเลเซีย มีโอกาสและศักยภาพที่จะพัฒนาเป็น “วงแหวนการท่องเที่ยว” ที่เชื่อมโยงสถานที่ท่องเที่ยวในมิติต่าง ๆ ของทั้งสองประเทศ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ความเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ (spiritual tourism)
การท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ เป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่ค่อนข้างนิยมในนักท่องเที่ยวของไทยและมาเลเซีย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวมาเลเซียเชื้อสายจีนที่มีความนิยมและศรัทธาในพระสงฆ์ไทยหลายรูปและศาสนสถานของไทยหลายแห่งในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เช่น วัดช้างไห้ อ. โคกโพธิ์ จ. ปัตตานี รูปสลักพระโพธิสัตว์กวนอิมเขาคอหงส์ อ. หาดใหญ่ และพระอาจารย์ภัตร วัดนาทวี จ. สงขลา เป็นต้น ในทางเดียวกัน นักท่องเที่ยวไทยที่นอกจากจะมีความศรัทธาและนิยมในศาสนสถานที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ยังมีความนิยมในการเดินทางไปยังศาสนสถานของมาเลเซียหลายแห่งที่มีระยะทางไม่ห่างไกลจากชายแดนมากนัก เช่น วัดเก็กลกสี่ (Kek Lok Si) ที่ปีนัง มาเลเซีย และศาลเจ้าที่สำคัญหลายแห่งของมาเลเซีย
จากที่กล่าวมา หากสามารถออกแบบและส่งเสริมเส้นทางการท่องเที่ยวในลักษณะของ “วงแหวนการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ” ในพื้นที่ของทั้งสองประเทศได้ จะมีส่วนอย่างสำคัญในการเพิ่มมูลค่าของการท่องเที่ยวและโอกาสทางเศรษฐกิจให้พื้นที่ในเส้นทางการท่องเที่ยว รวมถึงการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นหรือภูมิภาคอื่นของทั้งไทยและมาเลเซีย
ทั้งนี้ แนวทางการดำเนินการเพื่อพัฒนาเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณที่สำคัญ จำเป็นที่จะต้องมีการสร้างความชัดเจนและการส่งเสริมเส้นทางการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องเป็นรูปธรรม การสร้างความร่วมมือกับสมาคมและภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวในการพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ และการสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับมาเลเซียในการอำนวยความสะดวกในการผ่านแดนของนักท่องเที่ยว
ความเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม (cultural tourism)
สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและอาหารการกินถือได้ว่าเป็นจุดเด่นสำคัญของพื้นที่ชายแดนไทยและมาเลเซีย เมืองสงขลา เมืองหาดใหญ่ เมืองปัตตานี ของประเทศไทย และเมืองปีนัง และเมืองอีโปห์ ของประเทศมาเลเซีย เป็นพื้นที่ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญอันสะท้อนให้เห็นความเป็นพหุวัฒนธรรมและการผสานความหลากหลายของวัฒนธรรมบนพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ร่วมและการเดินทางไปมาหาสู่ของผู้คนทั้งสองประเทศตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ทั้งไทยและมาเลเซียมีนโยบายและแผนที่จะดำเนินการพัฒนาพื้นที่วัฒนธรรมในเมืองแถบพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ ยกตัวอย่างเช่น ย่านเมืองเก่าปีนังหรือจอร์จทาวน์ ที่ได้รับการพัฒนาพื้นที่เชิงวัฒนธรรมและ UNESCO ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อ ค.ศ. 2008 ในขณะที่เมืองเก่าสงขลาของประเทศไทย กำลังอยู่ในช่วงการขับเคลื่อนจากหลายหน่วยงานเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เป็นต้น
ในทางเดียวกัน เมืองในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ ก็ยังได้มีการพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์และกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมนอกเหนือจากสถานที่ทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน เช่น ในช่วงต้น ค.ศ. 2023 เมืองหาดใหญ่ โดยการนำของเทศบาลนครหาดใหญ่ได้มีการจัดงาน Hatyai Food Festival 2023 และเมืองปีนังได้มีการจัดงาน Penang International Food Festival (PIFF) Taste of Penang (TOP) 2023 ในทางเดียวกัน สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy Agency: CEA) และผู้ประกอบการสร้างสรรค์ในพื้นที่ ก็ได้มีการจัดงาน เทศกาลงานออกแบบปักษ์ใต้ 2023 และงานเทศกาล “Made in Songkhla” เมื่อปลายปี 2022 เพื่อกระตุ้นการสร้างพื้นที่และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของสงขลาและภาคใต้ตอนล่าง
อย่างไรก็ดี แม้ทั้งสองประเทศจะมีการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการขับเคลื่อนในมิติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จนนำไปสู่การเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั้งสองประเทศ หากแต่ข้อจำกัดและความท้าทายในการพัฒนาความเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมดูจะอยู่ที่การจัดวาง “ความเชื่อมโยง” และการสร้าง “ความร่วมมือ” ระหว่างสองประเทศ ให้เกิดการเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยว ทั้งในเชิงของเส้นทาง เรื่องราว และช่วงเวลา ให้เกิดเป็น “วงแหวนการท่องเที่ยว” เพื่อดึงดูดการเดินทางท่องเที่ยวไม่เพียงแต่นักท่องเที่ยวจากทั้งสองประเทศ ยังรวมถึงนักท่องเที่ยวจากประเทศที่สามด้วย
ความเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (ecotourism)
พื้นที่ของรัฐในมาเลเซียทางเหนือและจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สมบูรณ์และมีความเฉพาะจำนวนมาก ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของทั้งสองประเทศได้ ยกตัวอย่างเช่น อุทยานแห่งชาติ Royal Belum (Royal Belum State Park) ของมาเลเซียที่มีพื้นที่ติดต่อกับชายแดนไทยในแถบอำเภอเบตง จังหวัดยะลา เป็นผืนป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO อุทยานแห่งชาติแห่งนี้เป็นที่นิยมของนักเดินป่าและนักท่องเที่ยวเชิงนิเวศของมาเลเซียและชาวต่างชาติ เนื่องจากเป็นป่าฝนเขตร้อนที่เก่าแก่ที่สุดของโลก ในทางเดียวกัน ผืนป่าฮาลาบาลาของไทยที่มีพื้นที่ติดกันก็ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สำคัญของประเทศไทยที่มีเส้นทางเดินสำรวจพื้นที่ธรรมชาติหลายเส้นทางและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่ง ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่และต่างพื้นที่ของไทย นอกจากนี้ ที่สูงแคเมอรอน (Cameron Highlands) ในรัฐปะหัง ที่เป็นสถานที่ท่องเทียวทางธรรมชาติยอดนิยมตั้งแต่สมัยอาณานิคมของมาเลเซีย และอุทยานธรณีโลกสตูลที่ทาง UNESCO ประกาศให้เป็นอุทยานธรณีโลกแหล่งที่ 5 ของอาเซียน และแห่งแรกของประเทศไทย ยังเป็นอีกพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สำคัญเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาที่ผ่านมา แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศในพื้นที่ของมาเลเซียตอนเหนือและไทยตอนใต้ดูจะยังขาดการสร้างความเชื่อมโยง การประชาสัมพันธ์และการสร้างเรื่องราวที่ร้อยเรียงพื้นที่ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ส่งผลให้การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศส่วนใหญ่จะมีลักษณะของการพัฒนาแบบต่างฝ่ายต่างดำเนินการ หรืออยู่ภายใต้การดำเนินการในระดับพื้นที่หรือท้องถิ่น อันเป็นข้อจำกัดในการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในพื้นที่ของทั้งสองประเทศสู่การเป็นที่รับรู้ในระดับภูมิภาคหรือระดับโลก ทั้งนี้ แม้ในปัจจุบันจะมีการจัดกิจกรรมที่สร้างความรู้จักแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าวมากขึ้น เช่น Amazean Jungle Thailand by UTMB 2023 หากแต่ก็ยังมีข้อจำกัดในการสร้างความเชื่อมโยงหรือหลอมรวมพื้นที่เชิงนิเวศของทั้งสองประเทศให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเดียวกัน
3) สรุปภาพรวมโอกาสและความท้าทายในการพัฒนาความเชื่อมโยงทางด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับมาเลเซีย
จากโอกาสการพัฒนาความเชื่อมโยงทางด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับมาเลเซียที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งพิจารณาบนพื้นฐานของทุนที่มีอยู่เดิมและโอกาสในการต่อยอดความร่วมมือและการเชื่อมโยง โดยเฉพาะการพัฒนาความเชื่อมโยงของมาเลเซียกับพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทย สามารถสรุปภาพรวมทั้งในด้านของโอกาส ความท้าทาย และแนวทางการพัฒนาความเชื่อมโยงได้ดังต่อไปนี้
ประเด็น |
แนวทางการ/ |
โอกาส/ทุน |
ความท้าทาย |
หน่วยงานสำคัญ |
|
การพัฒนาความเชื่อมโยงทางด้านเศรษฐกิจและการลงทุน |
|||||
การพัฒนาความเชื่อมโยงของอุตสาหกรรมฮาลาล |
· การสร้างความร่วมมือในการยกระดับอุตสาหกรรมฮาลาลของไทยและมาเลเซีย สู่ตลาดฮาลาลคุณภาพสูงหรือผู้ผลิตฮาลาลคุณภาพสูง · การพัฒนากลไกและเวทีจับคู่ระหว่างผู้ผลิตอาหารคุณภาพสูงที่เป็นอัตลักษณ์ท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ของไทย กับผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมด้านอาหารจากมาเลเซีย · การพัฒนาเครื่องหมายรับรองมาตรฐานฮาลาลคุณภาพสูงร่วมของไทย-มาเลเซีย · การผลักดันและเปิดตลาดฮาลาลคุณภาพสูงจากความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการโดยเฉพาะขนาดกลางและขนาดย่อมของมาเลเซียและชายแดนภายใต้ของไทย และหน่วยงานด้านการพาณิชย์ |
· Halal Industry Master Plan 2030 ของมาเลเซีย · วิสัยทัศน์และนโยบายการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐานฮาลาลของประเทศไทย · บันทึกความร่วมมือ (MOU) เพื่อขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้ · ข้อหารือในการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2023 |
· การสร้างการยอมรับมาตรฐานฮาลาลร่วมกันของทั้งสองประเทศ · การปรับวิธีคิดของผู้ประกอบการและภาครัฐของทั้งสองประเทศ จากผู้แข่งขัน สู่ความร่วมมือ · บทบาทของผู้ประกอบการจากประเทศจีนในส่วนแบ่งตลาดฮาลาล |
ไทย · คณะกรรมการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” · กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ · ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)
มาเลเซีย · Malaysian Halal Development Council – MHDC · Ministry of Economic Affairs |
|
การพัฒนาความเชื่อมโยงของอุตสาหกรรมยางพาราและการแปรรูป |
· การสร้างเวทีความร่วมมือทั้งในระดับผู้ประกอบการ และรัฐบาลในระดับต่างๆ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนและสร้างความร่วมมือเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยางพาราของทั้งสองประเทศ · การเสริมความเข็มแข็งของห่วงโซ่อุปทานของผู้ประกอบการทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม · การสร้างความร่วมมือในการผลักดันกลไกการรับรองมาตรฐานด้านป่าไม้ระดับชาติ ซึ่งได้รับการรับรองโดยมาตรฐานสากลร่วมกัน และการต่อรองให้เกิดการยอมรับจากประเทศผู้นำเข้า |
· ผู้ประกอบการและผู้ค้ายางพาราของไทยก็มีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ประกอบการในประเทศมาเลเซีย และมีการทำงานธุรกิจร่วมกันมาอย่างยาวนาน · ความร่วมมือทั้งแบบไม่เป็นทางการและเป็นทางการของหน่วยงานภาครัฐทั้งสองประเทศ · โครงการความร่วมมือเขตเศรษฐกิจ สามฝ่าย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle: IMT-GT) · การลงนามความร่วมมือในการที่จะร่วมมือขับเคลื่อนการเชื่อมโยงของเมืองยางพารา (Rubber Cities) ของไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย |
· ผู้ประกอบการทั้งสองประเทศมีการผลิตสินค้าในลักษณะที่ใกล้เคียงกันส่งผลให้เกิดการแข่งขันระหว่างกันโดยธรรมชาติ · อุปสรรคจากการปฏิเสธผลิตภัณฑ์จากไม้ที่ไม่ทราบแหล่งที่มาหรือไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานของประเทศผู้นำเข้าในยุโรปและสหรัฐอเมริกา |
ไทย · การยางแห่งประเทศไทย · สำนักงานการรับรองไม้เศรษฐกิจไทย (TFCC) · กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ · ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)
มาเลเซีย · Malaysian Rubber Board · Malaysian Rubber Council (MRC) · Malaysian Timber Certification Council |
|
การพัฒนาความเชื่อมโยงทางด้านเศรษฐกิจวัฒนธรรม |
|||||
การยกระดับเครื่องแต่งกายและแฟชั่นมลายู |
· การจัดกิจกรรมและเวทีการประกวดเครื่องแต่งกายและแฟชั่นมลายู เพื่อกระตุ้นให้เกิดความสนใจและความตระหนัก ต่อการออกแบบและคุณค่าของเครื่องแต่งกายและแฟชั่นมลายูจากผู้ประกอบการท้องถิ่น · การจัดเวทีความร่วมมือและพัฒนาทักษะผู้ประกอบการและผู้ออกแบบเพื่อยกระดับยกระดับด้านการออกแบบและการดึงอัตลักษณ์ของท้องถิ่นเข้าสู่การออกแบบลายผ้าและการตัดเย็บ รวมถึงสร้างความร่วมสมัย · การสร้างแบรนด์ระดับภูมิภาค หรือมาตรฐานรับรองผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมและแฟชั่นของทั้งสองประเทศ |
· เครื่องแต่งกายและแฟชั่นมลายู เป็นสินค้าทางวัฒนธรรมที่มีตลาดและความต้องการในวงกว้าง · การริเริ่มและจัดกิจกรรม “Pakaian Melayu Yala Fashion Week” ของเทศบาลนครยะลา เป็นจุดริเริ่มที่สำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศ |
· การขาดหน่วยงานเจ้าภาพที่มีการขับเคลื่อนและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง · การสร้างแรงดึงดูดและกระตุ้นนักออกแบบและผู้ประกอบการรุ่นใหม่เข้าสู่อุตสาหกรรมเครื่องแต่งกายและแฟชั่นมลายู |
ไทย · กรมการพัฒนาชุมชน · สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) · ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) · เทศบาลนครยะลา
มาเลเซีย · Ministry of Information, Communication and Culture · Ministry of Economic Affairs · รัฐบาลท้องถิ่นของมาเลเซีย
|
|
การพัฒนาความร่วมมือของงานฝีมือทางวัฒนธรรมที่สัมพันธ์กับนกเขาชวา |
· การสนับสนุนและส่งเสริมการจัดเวทีแข่งขันนกเขาชวาในระดับภูมิภาค · การสร้างความร่วมมือให้เกิดการพัฒนากรงนกเขาชวาผลิตภัณฑ์ในฐานะผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะและมีมูลค่าสูง |
· ความนิยมในการเลี้ยงและแข่งขันนกเขาชวาเสียงในไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย · การจัดแข่งขันนกเขาชวาเสียงในระดับชาติและระดับระหว่างประเทศ · เครือข่ายผู้ประกอบการนกเขาชวาในประเทศไทยและมาเลเซีย
|
· การขาดหน่วยงานเจ้าภาพที่มีการขับเคลื่อนและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง การสร้างแรงดึงดูดและกระตุ้นนักออกแบบและผู้ประกอบการรุ่นใหม่เข้าสู่อุตสาหกรรมเครื่องแต่งกายและแฟชั่นมลายู |
ไทย · องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ · กระทรวงวัฒนธรรม · สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) · ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)
มาเลเซีย · รัฐบาลท้องถิ่นของมาเลเซีย |
|
การพัฒนาความเชื่อมโยงทางด้านการท่องเที่ยว |
|||||
ความเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ (spiritual tourism) |
· การจัดเวทีเพื่อสร้างความร่วมมือกับสมาคมและภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวในการพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวของทั้งไทยและมาเลเซีย · การสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับมาเลเซียในการอำนวยความสะดวกในการผ่านแดนของนักท่องเที่ยว |
· การท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณค่อนข้างนิยมในนักท่องเที่ยวของไทยและมาเลเซีย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวมาเลเซียเชื้อสายจีนที่มีความนิยมและศรัทธาในพระสงฆ์ไทยหลายรูปและศาสนสถานของไทยหลายแห่งในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ · แหล่งท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณที่มีอยู่จำนวนมากของไทยและมาเลเซียสามารถมาพัฒนาเป็น Travel route ได้ |
· การส่งเสริมเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณที่เชื่อมต่อพื้นที่ทั้งสองประเทศ · การอำนวยความสะดวกในการผ่านแดนของนักท่องเที่ยว |
ไทย · องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ · การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย · องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) · ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)
มาเลเซีย · Malaysia Tourism Promotion Board (MTPB) · รัฐบาลท้องถิ่นของมาเลเซีย |
|
ความเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม (Cultural tourism) |
· การสร้างความร่วมมือเพื่อจัดวาง “ความเชื่อมโยง” ด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของไทยและมาเลเซีย ให้เกิดการเชื่อมโยง ทั้งในเชิงของเส้นทาง เรื่องราว และจังหวะเวลาการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมประจำเมือง · การสร้าง “วงแหวนการท่องเที่ยว” เพื่อดึงดูดการเดินทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจากนักท่องเที่ยวไทยและมาเลเซีย รวมถึงจากประเทศที่สาม |
· พื้นที่ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญของชายแดนภาคใต้และมาเลเซีย · การจัดงาน Penang International Food Festival (PIFF), Taste of Penang (TOP) 2023 ของมาเลเซีย · เทศกาลงานออกแบบปักษ์ใต้ 2023 และงานเทศกาล “Made in Songkhla” ของประเทศไทย · Hatyai Food Festival 2023 ของเทศบาลนครหาดใหญ่ |
· การส่งเสริมเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เชื่อมต่อพื้นที่ทั้งสองประเทศ · การอำนวยความสะดวกในการผ่านแดนของนักท่องเที่ยว |
ไทย · องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ · การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย · องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) · ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)
มาเลเซีย · Malaysia Tourism Promotion Board (MTPB) · รัฐบาลท้องถิ่นของมาเลเซีย |
|
ความเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ(Ecotourism) |
· การพัฒนาเพื่อสร้างความเชื่อมโยงหรือหลอมรวมพื้นที่เชิงนิเวศของทั้งสองประเทศให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเดียวกัน |
· แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีความเฉพาะ และมีชื่อเสียงในพื้นที่ของรัฐในมาเลเซียทางเหนือและจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย · การจัดงาน Amazean Jungle Thailand by UTMB |
· การพัฒนาแบบต่างฝ่ายต่างดำเนินการ หรืออยู่ภายใต้การดำเนินการในระดับพื้นที่หรือท้องถิ่น |
ไทย · กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม · กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช · กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา · การกีฬาแห่งประเทศไทย · การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย · องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ · ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)
มาเลเซีย · Malaysia Tourism Promotion Board (MTPB) · Department of Wildlife and National Parks of Peninsular Malaysia (PERHILITAN) · Ministry of Natural Resource and the Environment · รัฐบาลท้องถิ่นของมาเลเซีย |
|
[1] “ไทย – มาเลเซีย เล็งสร้างเขตส่งเสริมเศรษฐกิจ เร่งความร่วมมือ 3 อุตฯ ฟาสต์แทร็ก,” กรุงเทพธุรกิจ, 13 กุมภาพันธ์ 2565, https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1052794.
[2] “ศอ.บต. ชูโมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ผ่าน “เมืองคู่แฝดการพัฒนา”,” เดลินิวส์, 13 มิถุนายน 2566, https://www.dailynews.co.th/news/2430022/.
[3] “24 บริษัททัวร์ไทย MOU 12 บริษัทมาเลย์ เชื่อมเส้นทาง 5 จังหวัดใต้,” ประชาชาติธุรกิจ, 23 กุมภาพันธ์ 2566, https://www.prachachat.net/local-economy/news-1209526.
[4] กลุ่มงานบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน, แผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดนฉบับทบทวน (พ.ศ. 2566-2570), https://www.osmsouth-border.go.th/files/com_news_develop/2023-07_69bcf213d67ed07.pdf (วันที่ค้นข้อมูล 26 พฤษภาคม 2566).
[5] Halal Development Corporation, Halal Industry Master Plan 2030: Executive Summary, https://www.hdcglobal.com/wp-content/uploads/2020/02/Halal-Industri-Master-Plan-2030.pdf (accessed May 26, 2023).
[6] “เร่งดันไทยฮับฮาลาลโลก เห็นชอบพิมพ์เขียว 2570 เดินหน้า “1 วิสัยทัศน์ 5 แนวทาง”,” กรมประชาสัมพันธ์, 21 เมษายน 2564, https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/37/iid/15445ใ
[7] “ศอ.บต. จับมือภาคีเครือข่าย 10 องค์กร ขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล เชื่อมโยงอุตสาหกรรมไก่แบบครบวงจร สร้างพื้นที่ “ครัวฮาลาลโลก” หวังตอบโจทย์และความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค,” ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้, 4 สิงหาคม 2565, https://www.sbpac.go.th/?p=93085.
[8] “ไทย-อินโด-มาเลย์ จับมือขับเคลื่อนเมืองยางพารา สร้างมูลค่าส่งออก ดันราคาเพิ่ม,” สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม, 19 กันยายน 2565, http://rubber.oie.go.th/Article.aspx?id=64409.
[9] ““ปากายัน มลายู” ดันยะลาศูนย์กลางแฟชั่นเครื่องแต่งกาย-สร้างแบรนด์สู่สากล,” สำนักข่าวอิศรา, 31 กรกฎาคม 2565, https://www.isranews.org/article/south-news/south-slide/110839-pagayanmelayu.html.
[10] คอลัฟ ต่วนบูละ และคณะ, การเลี้ยงนกเขาชวากับการส่งเสริมความสัมพันธ์ในด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมระหว่าง ประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้กับกลุ่มประชาคมอาเซียน (กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, 2561).
[*] บทความวิเคราะห์ประเด็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกชิ้นนี้ จัดทำขึ้นตามโครงการศึกษาวิจัยประเด็นยุทธศาสตร์เพื่อสนับสนุนและผลักดันการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยและดำเนินนโยบายเกี่ยวกับภูมิภาคเอเชียตะวันออก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของกรมเอเชียตะวันออก
[**] นักวิจัย สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย